ศาสนพิธีในงานของทางราชการ - วันปิยะมหาราช
งานวันปิยมหาราช
วันที่ ๒๓ ตุลาคม เป็นวันอภิลักขิตสมัย คล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเป็นการประจำปี งานนี้จัดเป็นงานวันเดียว มีสวดมนต์ถวายเทศนาและสดับปกรณ์ พระสวดมนต์มีจำนวน ๒๐ รูป ไม่ได้นิมนต์ตามเกณฑ์สมณศักดิ์ แต่นิมนต์โดยถือเกณฑ์วัดที่เกี่ยวกับพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมอัฐิสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถและพระบรมอัฐิสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยิกาเจ้า ส่วนพระสดับปกรณ์พระบรมอัฐิ มีจำนวน ๕๗ รูป เท่ากับพระชันษาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนิมนต์ตามลำดับสมณศักดิ์จากสูงลงไปหาต่ำ พระถวายเทศนาก็นิมนต์พระราชาคณะชั้นสูงตั้งแต่ชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะลงมา งานพระราชพิธีนี้จัดที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแต่บางครั้งก็จัดที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไม่ต้องวงสายสิญจน์และไม่ต้องตั้งหม้อน้ำมนต์ เพราะเป็นพระราชพิธีทักษิณานุปทานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเกี่ยวด้วยพระบรมอัฐิ มิใช่พระราชพิธีมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จไปทรงวางพวงดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระบรมรูปทรงม้า) ที่ลานพระราชวังดุสิตก่อน แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมมหาราชวัง เสด็จเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระองค์เดียว) ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิแล้วประทับนั่งยังพระเก้าอี้พระสงฆ์ ๒๐ รูปสวดพระพุทธมนต์ (ระเบียบการสวดพระพุทธมนต์ในงานพระราชพิธีนี้ก็เช่นเดียวกันกับสวดพระพุทธมนต์ในงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตรัชกาลที่ ๘ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น) เมื่อสวดพระพุทธมนต์จบแล้ว นิมนต์พระขึ้นนั่งยังธรรมาสน์ อาราธนาศีลและอาราธนาธรรม ถวายเทศนาจบ ยถาบนธรรมาสน์ขึ้นนั่งยังธรรมาสน์ สมเด็จพระสังฆราช หรือสมเด็จพระราชาคณะที่เป็นประธานในการสวดมนต์ตั้งพัดรับ สพฺพี ฯลฯ จบแล้ว ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าสดับปกรณ์สังฆาการีนิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์ไปยังอาสนสงฆ์เพื่อสดับปกรณ์ การสดับปกรณ์พระบรมอัฐินี้คงนั่งตามลำดับสมณศักดิ์ ไม่นั่งสลับตามเกณฑ์วัดเหมือนสดับปกรณ์ผ้าคู่ในงานพระราชพิธีสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ว่า อนิจฺจา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์เสร็จแล้วกลับไปนั่งยังอาสนสงฆ์ตามเดิม สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก พระสงฆ์องค์ครองขึ้น สพฺพพุทฺธานุภาเวน ฯลฯ อยญฺจ โข ฯลฯ ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ฯลฯ สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต แล้วสมเด็จพระราชาคณะ หรือพระราชาคณะรูปที่ ๒ ถวายพระพรลา เสร็จแล้วลงจากอาสนะกลับ สังฆการีจะนิมนต์พระเข้าสดับปกรณ์ทีละชุดอีกครั้งหนึ่ง กะพอดีกับที่นั่งบนอาสนสงฆ์ งานใหญ่เช่นนี้ตามปกติต้องมีมาติกา (หรือจะไม่มีมาติกาก็ได้ สุดแต่ฝ่ายสำนักพระราชวังจะแจ้งให้สังฆการีทราบ และสังฆการีก็เผดียงให้พระรูปหัวหน้าทราบอีกครั้งหนึ่ง) พระที่เข้าสดับปกรณ์ชุดแรก เมื่อว่า อนิจฺจา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์เสร็จแล้ว ต้อง ยถา ฯลฯ สพฺพี ฯลฯ ถวายอดิเรก ฯลฯ อยญฺจ โข ฯลฯ ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ฯลฯ จบแล้วรูปที่ ๓ ต้องถวายพระพรลา จึงลุกจากอาสนสงฆ์ออกไป พระสงฆ์ที่จะเข้าสดับปกรณ์ชุดต่อๆ ไปในงานเดียวกันนี้ ไม่ต้อง ยถา ฯ สพฺพีฯ ไม่ต้องถวายอดิเรก ไม่ต้องถวายพระพรลา เพียงแต่ว่า อนิจฺจา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์แล้ว ก็ลุกจากอาสนสงฆ์ออกไปได้
ในจังหวัดต่างๆ มีการพระราชพิธีวันปิยมหาราช ที่ศาลากลางจังหวัดและที่ว่าการอำเภอต่างๆ มีพิธีสงฆ์ ประกาศพระเกียรติคุณและการวางพวงมาลา กราบบังคมพระบรมรูปทรงม้า
วันที่ ๒๓ ตุลาคม วันปิยมหาราช เป็นวันหยุดราชการ ๑ วัน ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ จะมีพิธีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าในกรุงเทพมหานคร มีการวางพวงมาลาและถวายบังคม พระบรมรูปทรงม้าที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ในจังหวัด อำเภอต่างๆ ในงานพิธีบำเพ็ญกุศลที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร ในโรงเรียน สถานศึกษาทั่วพระราชอาณาจักร มักจัดพิธีที่สถานศึกษานั้นๆ